8 ทริคพรีเซนต์งานภาษาอังกฤษให้ปัง มัดใจคนฟังแบบอยู่หมัด!

8 ทริคพรีเซนต์งานภาษาอังกฤษให้ปัง มัดใจคนฟังแบบอยู่หมัด!

ต้องพรีเซนต์งานเป็นภาษาอังกฤษ แบบนี้จะทำยังไงดีให้การพรีเซนต์ออกมาเป๊ะปังกันนะ หลายคนน่าจะกังวลใจอยู่ไม่น้อย ตอนนี้ไม่ต้องกังวลใจไป วอลล์สตรีทอิงลิช มีทริคดีๆ มากฝาก

เตรียมร่างกายตัวเองให้พร้อม!

การพรีเซนต์งาน สิ่งสำคัญอย่างแรกนอกเหนือจากเนื้อหาที่เราต้องการจะพรีเซนต์ คือการเตรียมร่างกายให้พร้อมเสมอก่อนวันพรีเซนต์ ตั้งแต่การนอนหลับให้เพียงพอ การดูแลร่างกายให้แข็งแรงไม่ป่วยไข้ก่อนการพรีเซนต์ การแต่งกายให้ดูดี เหมาะสม ก็สำคัญ 

แน่นอนว่าในฐานะของการเป็นผู้นำเสนอ บุคลิกภาพของเราจะต้องดูดี เสียงที่ใช้ต้องพรีเซนต์ก็ดัง ฟังชัด ไม่พูดช้า หรือเร็วไป และที่ขาดไม่ได้ก็คือการใช้ “ภาษากาย” หรือว่า “Body language” ให้เหมาะสม เช่น การผายมือไปที่สไลด์ การยืนตัวตรงปลายเท้าแยกออกจากกันและ Eye contact (การสบตา) ก็เป็นสิ่งที่ผู้นำเสนอควรมี เราควรมองผู้ฟังของเราหลายๆคนเป็นครั้งคราว อย่าจ้องเสียจนคนฟังรู้สึกเกร็งล่ะ

สำหรับใครที่กลัวว่าจะแสดงท่าทางแปลกๆ หรือไม่รู้จะเอามือไม้ไปว่าที่ไหน อาจจะลองพูดกับตัวเองหน้ากระจกดูก่อนก็ได้นะ

จัดเรียงข้อมูลที่ควรจำไว้ใช้เสมอ

เรียกว่าเป็นหลักการพรีเซนต์สากลเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณพรีเซนต์เป็นภาษาอังกฤษด้วยแล้ว อาจจทำให้หลายคนไม่มั่นใจ ตื่นเต้นเกินเหตุ กลายเป็นว่าตอนพรีเซนต์จริงพูดวกไปวนมา ดังนั้นการจัดเรียงข้อมูลจึงสำคัญมากๆ

การจัดเรียงข้อมูลที่ดี ไม่ใช่การยัดเนื้อหาทุกอย่างลงบนสไลด์ แต่เป็นการสร้างจุดสำคัญๆ เพื่อเรียงลำดับการนำเสนอ ว่า ใจความสำคัญในสไลด์นั่นๆ จะหมายถึงอะไร และในสไลด์ต่อไปเราจะพูดเรื่องอะไรบ้าง แล้วค่อยๆ อธิบายหัวข้อนั้นๆ แทน

 

หัดใช้ Presentation Aids

Presentation Aids นั้นแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “ตัวช่วยในการนำเสนอ” ซึ่งเราจะนิยมใช้ PowerPoint หรือว่า Prezi กันเป็นส่วนใหญ่ แต่เราจะต้องจำให้ขึ้นใจเลยนะว่าเจ้าพวกนี้มันเป็นเพียงตัวช่วยของเราเท่านั้น เราควรจะเป็นจุดเด่นที่สุดของการนำเสนอ นั่นคือเราควรจะเตรียมตัวมาให้พร้อม และใช้สายตามองคนดูมากกว่าที่จะมองสไลด์นะ

อย่างที่เราได้พูดไปในข้อที่แล้ว ในสไลด์อาจจะใส่หัวข้อหลักๆ ประเด็นสำคัญเอาไว้ช่วยเตือนความจำเราระหว่างพรีเซนต์มากกว่า

มีสคริปต์ไว้ไม่เสียหาย

ข้อมูลที่ใช้พรีเซนต์อาจจะเยอะ ในบางครั้งคนเราอาจจะจดจำได้ไม่หมด โดยเฉพาะเมื่อพรีเซนต์ด้วยภาษาอังกฤษ อาการตื่นเต้น ประหม่า อาจจะทำให้คุณหลงลืมข้อมูล คำศัพท์ได้  ดังนั้นการมีสคริปต์ถือไว้ติดตัวจึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วย และทางเลือกที่ดีมากๆ โดยเฉพาะการนำเสนอที่มากกว่า 5 นาที ขึ้นไป 

การมีสคริปต์ที่ดีนั้น ไม่ควรจะก้มหน้าก้มตาอ่าน วิธีที่ดีที่สุดคือเขียนเฉพาะคีย์เวิร์ดที่เราเห็นแล้วนึกได้ทันทีว่าเราจะพูดเกี่ยวกับอะไร เช่น อาจจะเขียนแค่ชื่อหัวข้อเอาไว้เพื่อกันลืม หรือ โน้ตคำศัพท์ยากๆ ศัพท์เฉพาะที่ลืมบ่อยๆ ระหว่างการพูดเอาไว้ เป็นต้น

ส่วนขนาดของสตริปต์ ที่แนะนำนั้น ควรมีขนาดประมาณนามบัตร เพราะถ้าหากใหญ่เกินไปเราจะดูไม่เป็นมืออาชีพ แต่ในกรณีที่ต้องพรีเซนต์นานๆ มีข้อมูลเยอะเกินกว่าจะอัดลงไปในแผ่นเดียวก็แนะนำว่าเราสามารถใช้หลายแผ่น ซ้อนๆ กันไว้ได้

สำคัญคืออย่าก้มหน้าอ่าน พยายามใช้เป็นแค่เครื่องมือเตือนความจำ เตือนประเด็นหลักๆ ศัพท์ที่ชอบลืมตอนพรีเซนต์ก็พอนะ

 

 

แนะนำตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

เตรียมตัว เตรียมกาย เตรียมสคริปต์มาพร้อมที่จะพรีเซนต์แล้ว ขั้นแรกของการพรีเซนต์ให้ดี ให้ปัง คือ การแนะนำตัวให้น่าฟัง เพราะนี่คืออีกหนึ่งเสน่ห์และความสำคัญที่ผู้นำเสนอ ที่เราไม่ไม่ควรจะมองข้าม  ซึ่งนอกจากแนะนำตัวแล้ว เราก็ควรจะกล่าวทักทายและพูดถึงหัวข้อที่เราจะนำเสนอสักนิด โดยคุณอาจจะเริ่มต้นจากประโยคทักทายง่ายๆ 

ตัวอย่าง 

Good morning, I am…..(ชื่อ)…..,

Hello everyone, …..(ชื่อ)…..  is my name.  

Hello there, you can call me…..(ชื่อ)….. 

Nice to meet you here. I’m…..(ชื่อ)….. . 

On behalf of ….(ชื่อบริษัท)…..Company. I would like to welcome you here today. My name is …..(ชื่อ-นามสกุล)….. and I am …..(ตำแหน่งงาน)….. . 

(ในนามของบริษัท…. ดิฉัน/กระผม มีความยินดีต้องรับท่านผู้มีเกียรติทุกท่านในวันนี้ ดิฉัน/กระผม ..ชื่อ.. ตำแหน่ง…)

Good morning/afternoon/evening ladies and gentlemen. My name is …..(ชื่อ-นามสกุล)…. .(สวัสดีท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทั้งหลาย ดิฉัน/กระผม……)

และใช้ผสมกับตัวอย่างประโยคด้านล่างนี้ เพื่อเริ่มต้นการพรีเซนต์ เปิดประเด้น หรือเปิดหัวข้อที่คุณต้องการจะพรีเซนต์ได้เลย

ตัวอย่างประโยค

Today I am here to talk to you about….. (วันนี้ ดิฉัน/ผม จะพูดเกี่ยวกับ…..)

As you all know, today I am going to talk to you about….. (อย่างที่ทุกคนทราบกันดี วันนี้ดิฉัน/ผมจะพูดถึงเรื่อง…..)

I would like to take this opportunity to talk to you about… (ดิฉัน/ผม ขอถือโอกาสนี้พูดเกี่ยวกับเรื่อง…..)

I am delighted to be here today to tell you about….. (ดิฉัน/ผม รู้สึกยินดีที่มาในวันนี้เพื่อที่จะพูดให้ท่านทั้งหลายฟังเกี่ยวกับ…..)

Today I would like to outline….. (วันนี้ดิฉัน/ผม อยากจะพูดถึงภาพคร่าวๆในเรื่อง…..)

 

หมั่นใช้ Signal Words และบอกผู้ฟังเสมอเมื่อเปลี่ยนหัวข้อ

หลังจากที่เราบอกคร่าวๆ แล้วว่าเราจะพูดเกี่ยวกับอะไร สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือเราต้องบอกคนฟังทุกครั้งว่าเรากำลังจะเริ่มกันที่หัวข้อไหน หากจบหัวข้อนี้แล้วจะต้องเปลี่ยนหัวข้อก็ต้องโดยใช้ Signal Words หรือ Signal Sentences บอกผู้ฟังเสมอ เพื่อให้ผู้ฟังตามทัน และเข้าใจสิ่งที่เราจะพรีเซนต์

โดยคุณอาจจะใช้ประโยคเหล่านี้ในการเริ่มต้นหัวข้อ หรือเปลี่ยนหัวข้อ

ตัวอย่างประโยค

I’m going to start with…(ชื่อหัวข้อแรก)… (เราจะไปเริ่มกันที่หัวข้อ… กันก่อน นะครับ/นะคะ)

I’ve finished the first part and moving to the next one… (ตอนนี้เราจบส่วนแรกกันแล้ว และต่อไปจะเริ่มกันต่อที่หัวข้อ … )

Let’s go to the next point. (เอาล่ะ ไปหัวข้อต่อไปกันดีกว่า)

Now, we are moving to the new topic. (ตอนนี้เรากำลังจะเริ่มกันที่หัวข้อใหม่)

Here is the new topic. (นี่คือหัวข้อใหม่)

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นนะคะ อ้อ! ถ้าหากเรามีพรีเซนต์ที่มากกว่าหนึ่งคนและเรากำลังจะต้องส่งต่อการนำเสนอนี้ให้เพื่อนของเรา เราก็ควรจะบอกคนฟังด้วยประโยคเหล่านี้

I’ve done my part and I will pass it on to Ms./Mrs./Mr./… (นี่ก็ได้จบส่วนของ ผม/ดิฉันแล้ว ต่อไปจะเป็นส่วนของคุณ … นะครับ/นะคะ)

Ms./Mrs./Mr./… is going to take you to the next topic. (คุณ… จะเป็นคนมาพาคุณไปยังหัวข้อใหม่ นะครับ/นะคะ)

The next topic will be spoken by Ms./Mrs./Mr./… (หัวข้อต่อไป คุณ… จะเป็นผู้มาอธิบายนะครับ/นะคะ)

 

 

สรุปอีกครั้งให้ผู้ฟังเสมอ

สุดท้ายของการพรีดซนต์ สิ่งที่เราไม่ควรลืมเลยก็คือการสรุปนั่นเอง  สรุปนี้มีความสำคัญมากๆ เพราะจะทำให้คนฟังจำได้ทุกหัวข้อว่าเราพูดเรื่องอะไรไปบ้างแล้ว นอกจากนี้คนส่วนใหญ่นั้นจะจำส่วนสุดท้ายกันได้มากที่สุด 

To sum up… (สรุปคือ…)

So to summarise the main points of my talk… (สรุปประเด็นใหญ่ๆที่ดิฉัน/ผมพูดคือ…..)

Just a quick recap of my main points… (สรุปอย่างสั้นๆเกี่ยวกับประเด็นใหญ่ๆที่ดิฉัน/ผมพูดคือ….)

การสรุปที่ดีต้องกระชับ สั้น ได้ใจความ หรือเป็นการเรียงพูดถึงหัวข้อหลักๆ พร้อมส่วนเสริมอธิบายเพียงเล็กน้อยก็ได้ และหลังจากสรุปการพรีเซนต์แล้ว ถ้าจะปิดการพรีเซนต์ คุณอาจจะปิดท้ายด้วยประโยคว่า 

That brings the presentation to the end. Thank you for your attention. (การนำเสนอจบแล้ว ขอบคุณทุกท่านที่ตั้งใจฟังกัน นะคะ/นะครับ)

Thank you all for listening, it was a pleasure being here today. (ขอขอบคุณที่ทุกท่านตั้งใจฟัง รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มาในวันนี้ ค่ะ/ครับ)

 

 

อย่าลืมเปิดโอกาส และอนุญาตให้ผู้ฟังถาม

นอกเหนือจากการกล่าวปิด กล่าวสรุปแล้ว อย่าลืมทิ้งค้างให้ผู้ฟังเกิดความงงอยู่เพียงฝ่ายเดียว หลักการพรีเซนต์ที่ดีคุณควรเปิดโอกาสให้ผู้ฟังได้ถามด้วย เพื่อจะได้อธิบายในส่วนที่ผู้ฟังไม่เข้าใจ หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน โดยคุณอาจจะใช้ประโยคต่อไปนี้ก็ได้เมื่อจบการพรีเซนต์แล้ว

ตัวอย่างประโยค

Feel free to interrupt me if there’s anything you don’t understand. (คุณสามารถถามได้เสมอ ถ้าเกิดไม่เข้าใจตรงไหนระหว่างการบรรยาย นะคะ/นะครับ)

If you don’t mind, we’ll leave questions till the end. (หากคุณไม่ว่าอะไร เราขอตอบคำถามต่างๆ ในตอนท้าย นะครับ/นะคะ)

If anyone has any questions, I’ll be pleased to answer them. (หากใครมีคำถามอะไร ถามได้เลย นะคะ/นะครับ ยินดีตอบ ค่ะ/ครับ)

Does have anyone have any questions? (มีใครมีคำถามไหม ครับ/คะ?)

I will be happy to answer your questions now (ดิฉัน/ผม มีความยินดีที่จะตอบคำถามของพวกท่านในตอนนี้)

If you have any questions, please don’t hesitate to ask (ถ้ามีคำถาม กรุณาอย่าลังเลที่จะถาม นะครับ/นะคะ)

If you have any further questions, I will be happy to talk to you at the end. (ถ้ามีคำถามเพิ่มเติม ดิฉันยินดีที่จะพูดคุยกับทุกท่านหลังจากนี้ ครับ/ค่ะ)

 

จะเห็นได้ว่าการพรีเซนต์เป็นภาษาอังกฤษนั่นไม่ใช่เรื่องยากเลย ขอเพียงแค่คุณเตรียมตัวให้พร้อม หมั่นฝึกซ้อมบ่อยๆ จะช่วยลดความประหม่าลงได้เยอะเลยล่ะ

ลงทะเบียนทดลองเรียนภาษาอังกฤษฟรี 1 ครั้ง ที่วอลล์สตรีท อิงลิช สาขาใกล้บ้านคุณ ด่วน! สิทธิ์มีจำนวนจำกัด



Related posts

Share via
Copy link
Powered by Social Snap