จะบอกวัน เวลา สัปดาห์ และเดือนเป็นภาษาอังกฤษอย่างไร?

จะบอกวัน เวลา สัปดาห์ และเดือนเป็นภาษาอังกฤษอย่างไร?

สิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างมากในการเรียนภาษาใดก็ตามคือการเรียนวิธีบอกวันและวันที่ วันและวันที่เป็นสิ่งสำคัญในการนัดประชุม การวางแผนไปเที่ยววันหยุดและการนัดทำกิจกรรมต่าง ๆ

มาเริ่มดูกันที่การบอกวันในหนึ่งสัปดาห์กันดีกว่าค่ะ

 วันในหนึ่งสัปดาห์

ด้านล่างนี้คือคำศัพท์เจ็ดวันในหนึ่งสัปดาห์พร้อมวิธีการออกเสียง

⦿ วันจันทร์ Monday – /’mun.dei/

⦿ วันอังคาร Tuesday – /’tiu:z.dei/

⦿ วันพุธ Wednesday – /’wenz.dei/

⦿ วันพฤหัสบดี Thursday – /’thurz.dei/

⦿ วันศุกร์ Friday – /’frai.dei/

⦿ วันเสาร์ Saturday – /’sa.ta.dei/

⦿ วันอาทิตย์ Sunday – /’sun.dei/

วิธีการออกเสียง ให้ลงเสียงหนักที่พยางค์แรกเสมอ สองวันที่ออกเสียงยากที่สุดคือวันอังคารและวันพฤหัสบดี เพราะฉะนั้นอย่าลืมให้เวลาฝึกมากเป็นพิเศษนะคะ

อย่างที่เห็นนะคะ เราจะเขียนพยัญชนะตัวแรกเป็นตัวพิมพ์ใหญ่เสมอ ลองไปดูตัวอย่างกันค่ะ

 I work from Monday to Friday. I’m free on Saturday and Sunday.
 Our next lesson is on Wednesday.
 Saturday is his favorite day of the week because he plays football.
 The meeting is on Thursday at 10:30.
 We’ve got an appointment on Tuesday morning.

 เห็นแล้วใช่ไหมคะ เราจะใช้ ‘on’ หน้าคำศัพท์บอกวันในสัปดาห์

 

 

เดือน

เดือนทั้งสิบสองพร้อมวิธีการออกเสียงมีดังต่อไปนี้ค่ะ

⦿ มกราคมJanuary – /’gian.iu.e.ri/

⦿ กุมภาพันธ์ February – /’fe.bru.e.ri/

⦿ มีนาคม March – /’ma:tc/

⦿ เมษายน April – /’ei.pril/

⦿ พฤษภาคม May – /’mei/

⦿ มิถุนายนJune – /’giun/

⦿ กรกฎาคม July – /giu’lai/

⦿ สิงหาคม August – /’o:.gust/

⦿ กันยายน September – /sep’tem.ba/

⦿ ตุลาคม October – /ok’tou.ba/

⦿ พฤศจิกายน November – /nou’vem.ba/

⦿ ธันวาคม December – /di’sem.ba/

 สำหรับเดือน พยัญชนะตัวแรกเป็นตัวพิมพ์ใหญ่เสมอด้วยเช่นกัน มาดูตัวอย่างการใช้กันค่ะ

 February is the shortest month of the year, with only 28 days.
 They’re going away on holiday in May.
 The weather is very hot here in July.
 It’s very cold in December.
 Halloween is in October.

อย่างที่เห็นนะคะ ถ้าเป็นเดือนเราจะใช้ ‘in’ ค่ะ

 

 

วันที่

เวลาที่เราพูดถึงวันที่ในภาษาอังกฤษ เรามักจะใช้เลขบอกลำดับที่ (fist, second, third เป็นต้น) แทนที่จะใช้เป็นเลขบอกจำนวนนับ (one, two, three เป็นต้น) มาทำความรู้จักเลขบอกลำดับที่กันค่ะ

  • 1st – first
  • 2nd – second
  • 3rd – third
  • 4th – fourth
  • 5th – fifth
  • 6th – sixth
  • 7th – seventh
  • 8th – eighth
  • 9th – ninth
  • 10th – tenth

 ตั้งแต่ลำดับที่ 11-19 จะใส่ -th ลงไปที่ท้ายตัวเลขเหมือนกันทั้งหมด

  • 11th – eleventh
  • 12th – twelfth (the letter v changes to f)
  • 13th – thirteenth
  • 14th – fourteenth
  • 15th – fifteenth
  • 16th – sixteenth
  • 17th – seventeenth
  • 18th – eighteenth
  • 19th – nineteenth

 ตัวเลขที่ลงท้ายด้วย -ty เช่น 20 และ 30 ให้เปลี่ยนจาก -y เป็น – i และเติม -eth ลงไป เช่น

  • 20 – twentieth
  • 30 – thirtieth
  • 21st – twenty-first
  • 22nd – twenty-second
  • 23rd – twenty-third
  • 24th – twenty-fourth
  • 25th – twenty-fifth
  • 26th – twenty-sixth
  • 27th – twenty-seventh
  • 28th – twenty-eighth
  • 29th – twenty-ninth
  • 30th – thirtieth
  • 31st – thirty-first

 สำหรับภาษาอังกฤษแบบบริติช การบอกวันที่จะเริ่มด้วยวันที่แล้วตามด้วยเดือน ในขณะที่อังกฤษแบอเมริกันมันจะเอาเดือนขึ้นก่อน กฎนี้ใช้เมื่อเวลาเราย่อวันที่ให้เหลือตัวเลขด้วย เช่น วันที่ 1st December 2017 ย่อเห็น

  • 1/12/2017 สำหรับอังกฤษแบบบริติช
  • 12/1/2017 สำหรับอังกฤษแบบอเมรกัน

 เช่นเดียวกันวันในสัปดาห์ เราใช้ ‘on’ นำหน้าวันที่เช่นกัน ลองมาดูตัวอย่างกันค่ะ

 Paolo’s birthday is on June 3rd. (pronounced ‘on June the third’)
 New Year’s Day is on 1st January. (pronounced ‘on the first of January’)
 We’re flying back home on Tuesday, April 10th. (pronounced ‘on Tuesday, April the tenth’)
 They’re having a party on 16th November. (pronounced on the sixteenth of November.)
 Our Wedding Anniversary is on August 11th. (pronounced ‘on August the eleventh’.)

 

ปี

ในภาษาอังกฤษ วิธีอ่านปีค.ศ. จะแบ่งวิธีการนับเลขเป็นสองหลัก ตัวอย่าง

  • 1750 – seventeen fifty
  • 1826 – eighteen twenty-six
  • 1984 – nineteen eighty-four
  • 2017 – twenty seventeen

 ตัวเลขบอกปีค.ศ.ที่เป็นปีถ้วน ให้อ่านดังต่อไปนี้

  • 1400 – fourteen hundred
  • 1700 – seventeen hundred
  • 2000 – two thousand

 ช่วงเก้าปีแรกของศตวรรษให้อ่านดังต่อไปนี้

  • 1401 – fourteen oh one
  • 1701 – seventeen oh one
  • 2001 – two thousand and one

เราสามารถพูดถึงทศวรรษ (ช่วงระยะเวลาสิบปี) ดังต่อไปนี้

  • 1960-1969 – The ‘60s – ออกเสียงว่า ‘the sixties’
  • 1980-1989 – The ‘80s – ออกเสียงว่า ‘the eighties’.
  • 2000 – 2009 – The 2000s – ออกเสียงว่า ‘the two thousands’

 ยกตัวอย่างเช่น

 The Beatles were famous in the sixties.
 My parents got married in the seventies.
 Maradona played for Napoli in the eighties.
 Where were you living in the nineties?
 The internet became popular worldwide in the two thousands.

อย่างที่เห็นนะคะ เราใช้ ‘in’ หน้าปีค่ะ

 

สรุปการใช้บุพบทบอกวัน เวลา

 

ตัวอย่างประโยค:

 In my country, the schools start the academic year in September.
 Is he starting the new job on Monday? 
 The company was founded in 1991.
 The Wedding is on July 25th. 
 There was an economic boom in the 50’s.

 

หมายเหตุ: เวลาที่เราพูดถึงเทศกาลบางอย่าง เช่น “คริสมาสต์” หรือ “อีสเตอร์” เราจะใช้ “at” เช่น

Where will you be at Christmas? We’ll be in the mountains.
Most people visit their families at Easter.

 อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้คุณจำการวันและเดือนในภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น นั่นคือเปลี่ยนการตั้งค่าภาษาที่ใช้ในมือถือหรือคอมพิวเตอร์ให้เป็นภาษาอังกฤษ วิธีนี้คุณจะได้เห็นปฏิทินและนัดหมายงาน ๆ ต่างที่ฝึกได้ และถ้าคุณมีปฏิทินแขวนผนังหรือตั้งโต๊ะที่ทำงานหรือที่บ้าน ครั้งหน้าให้ลองหาแบบภาษาอังกฤษมาใช้ เป็นวิธีที่ง่ายแต่ได้ผลนักเชียว

ทีนี้คุณก็สามารถพูดบอกวันและวันที่เป็นภาษาอังกฤษ พร้อมนัดประชุมหรือไปเที่ยวได้แล้ว!

ลงทะเบียนทดลองเรียนภาษาอังกฤษฟรี 1 ครั้ง ที่วอลล์สตรีท อิงลิช สาขาใกล้บ้านคุณ ด่วน! สิทธิ์มีจำนวนจำกัด



Related posts

Share via
Copy link
Powered by Social Snap