สำหรับนักเรียนหลายคนที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่ การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษดูจะเป็นเรื่องที่ไกลเกินเอื้อม แล้วเราจะทำอย่างไรได้บ้างถึงจะพูดได้เก่งขึ้น วันนี้เรามีเคล็ดลับดี ๆ มาฝากกัน!
ฟัง
ถ้าอยากจะพูดให้เก่งก็ต้องเริ่มจากการฟังให้เก่ง การฝึกฟังจะช่วยให้คุณคุ้นเคยว่าเจ้าของภาษาออกเสียงที่ถูกต้องว่าอะไร คุณจะได้ออกเสียงตาม
คอร์สเรียนของ Wall Street English นั้นออกแบบขึ้นมาบนพื้นฐานความคิดที่ว่าการฟังและการพูดตามเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ เพราะเป็นวิธีการเรียนรู้ภาษาตามธรรมชาติและมีประสิทธิภาพที่สุด หากอยากจะพูดให้เป็นธรรมชาติ ก็ควรจะฝึกฟังภาษาอังกฤษเพราะมีหลายคำที่เขียนอย่างหนึ่งแต่ออกเสียงอีกอย่างหนึ่ง
และการฟัง audiobooks หรือดูวิดีโอคลิปหรือแม้แต่ซีรี่ส์ในโทรทัศน์เป็นภาษาอังกฤษก็เป็นวิธีฝึกที่ดีมากเช่นกัน ฝึกฟังวันละนิดแต่สม่ำเสมอจะทำให้เห็นผลที่แตกต่างในระยะยาว
พูดทุกครั้งที่มีโอกาส
แน่นอนว่าการฝึกฝนคือหัวใจสำคัญสู่การพูดเก่ง เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยากพัฒนา อย่าปล่อยโอกาสที่ได้จะได้พูดให้หลุดลอยไป เวลาที่คุณเรียนที่ Wall Street English คุณจะได้พูดภาษาอังกฤษตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้ามาในโรงเรียนและทักทายพนักงานต้อนรับ ไปจนถึงตอนนั่งจิบกาแฟกับสตาฟฟ์ของเราและนักเรียนคนอื่น ๆ และแน่นอนตลอดทั้งคาบที่คุณเรียนนั้นเต็มไปด้วยแบบฝึกพูด
คุณสามารถนำวิธีการฝึกนี้ไปฝึกต่อยอดคนเดียวได้ เวลาที่คุณทำแบบฝึกหัด อ่านออกเสียงประโยคและคำศัพท์ที่ได้ยินหรือเห็นออกมาดัง ๆ วิธีนี้เป็นประโยชน์มากเพราะจะช่วยให้คุณมั่นใจเมื่อต้องใช้ภาษาในการสนทนา
ฝึกเชื่อมเสียง
เวลาที่คุณพูดภาษาแม่ได้โดยธรรมชาติ คุณมักเชื่อมเสียงเวลาพูด ภาษาอังกฤษก็เช่นกัน คำว่า ‘do’ ในประโยคคำถามมักจะเหลือเพียงแค่เสียง ‘d’ ดังตัวอย่างด้านล่าง
Do you speak English?
‘Do’ ถูกเชื่อมเสียงเข้ากับคำที่สำคัญกว่านั่นคือ ‘you’ และออกว่า /dju:/ และเสียง ‘k’ ในคำว่า ‘speak’ก็เชื่อมเข้ากับคำว่า ‘English’ ซึ่งเป็นคำที่น่าจะลงเสียงหนัก เพราะฉะนั้นประโยคนี้จะออกเสียงว่า
/dju: spi kin glish/
ช่วงที่คุณเรียนแรก ๆ อาจรู้สึกพะวงกับการเชื่อมเสียงแบบนี้เพราะคิดว่าคนอื่นจะไม่เข้าใจคุณ แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่เลย วิธีที่ดีที่สุดในการเรียนพูดประโยคต่าง ๆ คือฟังและเรียนรู้วิธีการพูดทั้งประโยค ไม่ใช่เพียงแค่คำใดคำหนึ่ง วิธีนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณเข้าใจมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณจำประโยคได้ง่ายขึ้นด้วย
ตัวอย่างหนึ่งที่มักใช้กันบ่อยเมื่อพูดถึงการเชื่อมเสียงคือคำว่า ‘want to’ ที่มักจะออกเสียงเป็น ‘wanna’ บางทีคุณอาจเคยได้ยินในเพลง นี่ไม่ใช่แสลงหรือภาษาอังกฤษที่ผิดไวยากรณ์แต่เป็นตัวอย่างของการพูดเร็วและเป็นธรรมชาติ
คิดเป็นภาษาอังกฤษ
วิธีที่ดีที่สุดในการฝึกพูดภาษาอังกฤษคือการคิดเป็นภาษาอังกฤษ ผู้เขียนทราบดีค่ะว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เพิ่งเริ่มเรียน แต่มีสิ่งหนึ่งที่คุณทำได้ที่จะช่วยให้คุณเริ่มคิดเป็นภาษาอังกฤษ นั่นคือลืมภาษาแม่ของคุณทิ้งไปซะ คุณอาจจะรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าคุณลองพยายามสักสองสามสัปดาห์ คุณจะเห็นและพลิกโฉมกระบวนการเรียนรู้ของคุณไปเลย
ปัญหาของการแปลก็คือหลังจากเห็นคำในภาษาของคุณเอง อยู่มักจะลืมความหมายอย่างรวดเร็ว และมักจะเป็นคำแปลที่แปลได้ไม่ตรงตัวเสียทั้งหมด แต่ถ้าคุณเรียนรู้ความหมายผ่านบริบท รูปภาพ เสียงหรือตัวอย่าง คุณจะเรียนภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติ และจำได้
ตอนนี้คุณคงได้เห็นวิธีต่าง ๆ ที่จะช่วยพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของคุณแล้ว ลงมือทำวันนี้และเริ่มเรียน! ลองเข้าไปดูที่หน้า Student Experience ในเว็บไซต์ของเราเพื่อหาแรงบันดาลใจจากนักเรียนที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษ
ที่ Wall Street English เราได้ทดสอบและพิสูจน์แล้วว่าวิธีนี้ได้ผล และเราใช้คอร์สเรียนและสื่อการเรียนการสอนแบบเดียวกันทั้ง 27 ประเทศทั่วโลก นั่นหมายความว่านักเรียนจากหลายเชื้อชาติเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้โดยไม่ต้องแปล
ทำไมไม่ลองมาทำแบบทดสอบภาษาอังกฤษกันดูก่อน ดูว่าความรู้ภาษาอังกฤษของคุณอยู่ระดับไหนและมาเริ่มเรียนกันเลย!