ภาษาอังกฤษที่มีคำว่า “put” พร้อมเทคนิคการใช้

ภาษาอังกฤษที่มีคำว่า “put” พร้อมเทคนิคการใช้

ถ้าเราเป็นคนหนึ่งที่รักการเรียนภาษาอังกฤษ เราจะสังเกตได้ว่าบางครั้ง คำที่เข้าใจยากที่สุด คือคำที่สั้นที่สุด อย่างเช่น คำว่า put คำกริยานี้มีเพียงหนึ่งพยางค์สามตัวอักษรเท่านั้น แต่แปลความหมายได้ยาวเหยียดหลายร้อยกระบวนท่า วันนี้เราจะมาแนะนำการใช้คำว่า put ให้หลากหลาย เพื่อเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษของคุณให้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม

ความหมายของคำว่า put ที่เราคิดถึงหลักๆคือ

  1. เอาอะไรสักอย่างไปวางในตำแหน่งที่เราอยากวาง เช่น I put my hand in my pocket. (ฉันเอามือใส่ไว้ในกระเป๋า)
  2. ทำให้สิ่งของหรือคนตกอยู่ในสถานการณ์ หรือสถานะบางอย่าง เช่น I’m sorry I put you in a difficult situation. (ขอโทษนะที่ฉันทำให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากน่ะ)
  3. เขียนหรือพิมพ์บางสิ่งบางอย่าง เช่น Please put your name on this paper (กรุณาเขียนชื่อของคุณไว้บนกระดาษด้วยนะคะ)
  4. พูดหรืออธิบายบางอย่าง เช่น I don’t know how to put this. (ฉันไม่รู้ว่าจะพูดยังไงเลย)

 

ส่วนวลีของคำว่า put ที่เราควรรู้ เนื่องจากมีการใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน ประกอบไปด้วย

  1. Put a price/value on something แปลว่า ให้ราคาแก่ของบางอย่าง เช่น You can’t put a price on honesty. (คุณไม่สามารถตีราคาความซื่อสัตย์ได้หรอก) หรือ He had a price put on his head. (เขามีค่าหัวอยู่นะ – อารมณ์ว่าถูกตามล่าตัวอยู่ในหนังแบบนั้นเลย)
  2. Put simply/simply put แปลว่า พูดง่ายๆเลยก็คือ เอาไว้อธิบายอะไรยากๆให้เข้าใจง่าย เช่น Simply put, they are no longer together. (พูดง่ายๆเลยก็คือ พวกเขาเลิกกันแล้วน่ะ)
  3. Put a stop/end to something ต้องเลิกทำบางอย่าง หรือเลิกนิสัยบางอย่างนะ เช่น You need to put an end to this kind of relationship. (เธอต้องหยุดความสัมพันธ์แบบนี้ซะนะ – มันไม่เวิร์คหรอก)
  4. To put it another way แปลว่า พูดอีกอย่างก็คือ อันนี้ก็เอาไว้ใช้อธิบายเพื่อขยายความบางอย่างที่อาจจะพูดมาก่อนหน้านี้ให้ง่ายขึ้นเช่นกัน เช่น To put it another way, you’re still too young to travel on your own. (พูดอีกอย่างเลยก็คือ เธอยังเด็กเกินไปที่จะเดินทางคนเดียวนะ)
  5. To put it in a nutshell แปลว่า โดยสรุปเลยก็คือ ตัวอย่างเช่น To put it in a nutshell, I just went broke. (สรุปเลยก็คือ ฉันถังแตกแล้วล่ะ)

นอกจากนี้ ยังมี phrasal verb หรือกริยาวลี ที่ความหมายจะเปลี่ยนไปจากเดิมมาก เมื่อนำมารวมกับ preposition หรือ adverb ทำให้เกิดความหมายที่หลากหลาย บางคำก็นิยมใช้แบบไม่เป็นทางการในภาษาพูด เช่น

  1. Put about เล่าอะไรสักอย่างให้คนอื่นฟังเยอะๆ โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่เป็นความจริง เช่น My ex has been putting it about that I hooked up with Joe. (แฟนเก่าฉันพูดบอกคนอื่นไปทั่วเลยว่าฉันไปมีอะไรกับโจ) หรือ put about อาจแปลได้อีกอย่างว่า หันหัวเรือกลับ เช่น The ship put about เป็นต้น
  2. Put aside เลือกที่จะไม่สนใจ เช่น We put aside our conflicts and move on with this project. (เราเลือกที่จะไม่เอาความขัดแย้งส่วนตัวมาเกี่ยวและตั้งใจเดินหน้ากับโปรเจ็คนี้ต่อ) หรือ แปลว่า ตั้งใจกันเงินไว้ทำอย่างอื่น I put some money aside for the next trip. (ฉันกันเงินไว้สำหรับทริปหน้า)
  3. Put back เอาอะไรสักอย่างไปเก็บที่เดิม เช่น Can you please put that dress back? (ช่วยเอาชุดนั้นกลับไปเก็บที่เดิมทีเถอะ) หรือ put back อาจแปลว่า เปลี่ยนเวลาหรือวันที่ ให้ตารางที่วางไว้เกิดขึ้นช้าลง เช่น We’ve put the meeting back until next Monday. (เราเลื่อนการประชุมไปเป็นวันจันทร์หน้าแทน)
  4. Put forth พูดเสนอไอเดีย ความคิด หรือแผนการบางอย่าง เช่น The government has put forth the coal-fired power plant project. (รัฐบาลได้เสนอไอเดียเกี่ยวกับโปรเจ็คโรงไฟฟ้าถ่านหิน)
  5. Put off ทำให้ใครสักคนไม่อยากทำอะไรสักอย่างอีกต่อไป เช่น The traffic put me off the idea of going straight home. (รถติดขนาดนี้ทำให้ฉันไม่อยากตรงดิ่งกลับบ้านทันที – ขอแวะที่อื่นก่อนดีกว่า) หรือ put off นิยมใช้เพื่อเลื่อนอะไรสักอย่างออกไป เช่น I put off my shopping trip just to see you. (นี่ฉันไม่ไปช็อปปิ้งเพื่อที่จะมาเจอเธอเลยนะ)
  6. Put through ทำให้ใครสักคนต้องเจอประสบการณ์ที่ยากเย็น เช่น The doctor put me through the diet program because I’ve become overweight. (หมอให้ฉันเข้าโปรแกรมลดน้ำหนักเพราะฉันน้ำหนักเกินซะแล้ว) หรือ put through อาจแปลได้ว่า เชื่อมให้คนสองฝั่งได้คุยกัน เช่น I’ll put you through the customer service. (เดี๋ยวฉันจะโอนสายให้ได้คุยกับแผนกบริการลูกค้านะคะ)
  7. Put up with ต้องอดทนกับคนหรือสถานการณ์บางอย่าง เช่น She’s tried her best to put up with her students (เธอพยายามอดทนเต็มที่กับนักเรียนของเธอแล้ว)

บอกได้เลยว่าตัวอย่างที่ให้ไปนี้เป็นเพียงน้ำจิ้ม แต่นับเป็นเทคนิคภาษาอังกฤษที่ทำให้การพูดภาษาอังกฤษของคุณมีความหลากหลายมากขึ้น แต่ถ้าใครที่อยากเก่งด้านนี้ และอยากพูดภาษาอังกฤษโดยอยากใช้สำนวนได้ได้เหมือนคนต่างชาติ ไม่ต้องไปหาโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่ไหนไกล มาหาเราสิ!

ลงทะเบียนทดลองเรียนภาษาอังกฤษฟรี 1 ครั้ง ที่วอลล์สตรีท อิงลิช สาขาใกล้บ้านคุณ ด่วน! สิทธิ์มีจำนวนจำกัด



Related posts

Share via
Copy link
Powered by Social Snap