ถ้าเราเป็นคนหนึ่งที่รักการเรียนภาษาอังกฤษ เราจะสังเกตได้ว่าบางครั้ง คำที่เข้าใจยากที่สุด คือคำที่สั้นที่สุด อย่างเช่น คำว่า put คำกริยานี้มีเพียงหนึ่งพยางค์สามตัวอักษรเท่านั้น แต่แปลความหมายได้ยาวเหยียดหลายร้อยกระบวนท่า วันนี้เราจะมาแนะนำการใช้คำว่า put ให้หลากหลาย เพื่อเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษของคุณให้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
ความหมายของคำว่า put ที่เราคิดถึงหลักๆคือ
- เอาอะไรสักอย่างไปวางในตำแหน่งที่เราอยากวาง เช่น I put my hand in my pocket. (ฉันเอามือใส่ไว้ในกระเป๋า)
- ทำให้สิ่งของหรือคนตกอยู่ในสถานการณ์ หรือสถานะบางอย่าง เช่น I’m sorry I put you in a difficult situation. (ขอโทษนะที่ฉันทำให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากน่ะ)
- เขียนหรือพิมพ์บางสิ่งบางอย่าง เช่น Please put your name on this paper (กรุณาเขียนชื่อของคุณไว้บนกระดาษด้วยนะคะ)
- พูดหรืออธิบายบางอย่าง เช่น I don’t know how to put this. (ฉันไม่รู้ว่าจะพูดยังไงเลย)
ส่วนวลีของคำว่า put ที่เราควรรู้ เนื่องจากมีการใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน ประกอบไปด้วย
- Put a price/value on something แปลว่า ให้ราคาแก่ของบางอย่าง เช่น You can’t put a price on honesty. (คุณไม่สามารถตีราคาความซื่อสัตย์ได้หรอก) หรือ He had a price put on his head. (เขามีค่าหัวอยู่นะ – อารมณ์ว่าถูกตามล่าตัวอยู่ในหนังแบบนั้นเลย)
- Put simply/simply put แปลว่า พูดง่ายๆเลยก็คือ เอาไว้อธิบายอะไรยากๆให้เข้าใจง่าย เช่น Simply put, they are no longer together. (พูดง่ายๆเลยก็คือ พวกเขาเลิกกันแล้วน่ะ)
- Put a stop/end to something ต้องเลิกทำบางอย่าง หรือเลิกนิสัยบางอย่างนะ เช่น You need to put an end to this kind of relationship. (เธอต้องหยุดความสัมพันธ์แบบนี้ซะนะ – มันไม่เวิร์คหรอก)
- To put it another way แปลว่า พูดอีกอย่างก็คือ อันนี้ก็เอาไว้ใช้อธิบายเพื่อขยายความบางอย่างที่อาจจะพูดมาก่อนหน้านี้ให้ง่ายขึ้นเช่นกัน เช่น To put it another way, you’re still too young to travel on your own. (พูดอีกอย่างเลยก็คือ เธอยังเด็กเกินไปที่จะเดินทางคนเดียวนะ)
- To put it in a nutshell แปลว่า โดยสรุปเลยก็คือ ตัวอย่างเช่น To put it in a nutshell, I just went broke. (สรุปเลยก็คือ ฉันถังแตกแล้วล่ะ)
นอกจากนี้ ยังมี phrasal verb หรือกริยาวลี ที่ความหมายจะเปลี่ยนไปจากเดิมมาก เมื่อนำมารวมกับ preposition หรือ adverb ทำให้เกิดความหมายที่หลากหลาย บางคำก็นิยมใช้แบบไม่เป็นทางการในภาษาพูด เช่น
- Put about เล่าอะไรสักอย่างให้คนอื่นฟังเยอะๆ โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่เป็นความจริง เช่น My ex has been putting it about that I hooked up with Joe. (แฟนเก่าฉันพูดบอกคนอื่นไปทั่วเลยว่าฉันไปมีอะไรกับโจ) หรือ put about อาจแปลได้อีกอย่างว่า หันหัวเรือกลับ เช่น The ship put about เป็นต้น
- Put aside เลือกที่จะไม่สนใจ เช่น We put aside our conflicts and move on with this project. (เราเลือกที่จะไม่เอาความขัดแย้งส่วนตัวมาเกี่ยวและตั้งใจเดินหน้ากับโปรเจ็คนี้ต่อ) หรือ แปลว่า ตั้งใจกันเงินไว้ทำอย่างอื่น I put some money aside for the next trip. (ฉันกันเงินไว้สำหรับทริปหน้า)
- Put back เอาอะไรสักอย่างไปเก็บที่เดิม เช่น Can you please put that dress back? (ช่วยเอาชุดนั้นกลับไปเก็บที่เดิมทีเถอะ) หรือ put back อาจแปลว่า เปลี่ยนเวลาหรือวันที่ ให้ตารางที่วางไว้เกิดขึ้นช้าลง เช่น We’ve put the meeting back until next Monday. (เราเลื่อนการประชุมไปเป็นวันจันทร์หน้าแทน)
- Put forth พูดเสนอไอเดีย ความคิด หรือแผนการบางอย่าง เช่น The government has put forth the coal-fired power plant project. (รัฐบาลได้เสนอไอเดียเกี่ยวกับโปรเจ็คโรงไฟฟ้าถ่านหิน)
- Put off ทำให้ใครสักคนไม่อยากทำอะไรสักอย่างอีกต่อไป เช่น The traffic put me off the idea of going straight home. (รถติดขนาดนี้ทำให้ฉันไม่อยากตรงดิ่งกลับบ้านทันที – ขอแวะที่อื่นก่อนดีกว่า) หรือ put off นิยมใช้เพื่อเลื่อนอะไรสักอย่างออกไป เช่น I put off my shopping trip just to see you. (นี่ฉันไม่ไปช็อปปิ้งเพื่อที่จะมาเจอเธอเลยนะ)
- Put through ทำให้ใครสักคนต้องเจอประสบการณ์ที่ยากเย็น เช่น The doctor put me through the diet program because I’ve become overweight. (หมอให้ฉันเข้าโปรแกรมลดน้ำหนักเพราะฉันน้ำหนักเกินซะแล้ว) หรือ put through อาจแปลได้ว่า เชื่อมให้คนสองฝั่งได้คุยกัน เช่น I’ll put you through the customer service. (เดี๋ยวฉันจะโอนสายให้ได้คุยกับแผนกบริการลูกค้านะคะ)
- Put up with ต้องอดทนกับคนหรือสถานการณ์บางอย่าง เช่น She’s tried her best to put up with her students (เธอพยายามอดทนเต็มที่กับนักเรียนของเธอแล้ว)
บอกได้เลยว่าตัวอย่างที่ให้ไปนี้เป็นเพียงน้ำจิ้ม แต่นับเป็นเทคนิคภาษาอังกฤษที่ทำให้การพูดภาษาอังกฤษของคุณมีความหลากหลายมากขึ้น แต่ถ้าใครที่อยากเก่งด้านนี้ และอยากพูดภาษาอังกฤษโดยอยากใช้สำนวนได้ได้เหมือนคนต่างชาติ ไม่ต้องไปหาโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่ไหนไกล มาหาเราสิ!