ใครว่าเก่งภาษาอังกฤษเป็นเรื่องยาก!? ขึ้นชื่อว่าภาษาอื่น ที่ไม่ใช่ภาษาหลักที่เราๆ ชาวไทยใช้เป็นประจำอยู่แล้ว ฟังดูก็ยากทั้งนั้น แถมจะให้เรียนภาษาอังกฤษให้เทพ ให้เชี่ยวชาญอีก แค่นึก บางคนก็ถอดใจ ส่ายหน้าเสียแล้ว
และวันนี้ วอลล์สตรีทอิงลิช จะมากระซิบบอกเคล็ดลับดีๆ ให้ลองไปปรับใช้กัน รับรองได้ว่า ได้ผลแน่นอน!
อารมณ์ในการเรียน เป็นสิ่งสำคัญ
แหม อย่าหาว่าอินดี้อย่างงั้นอย่างงี้เลย แต่การจะเริ่มต้นเรียนรู้อะไรสักอย่าง อารมณ์เป็นสิ่งสำคัญต่อการเรียนเหล่านั้นมากๆ ลองนึกภาพดูสิ ถ้าเรากำลังอารมณ์ไม่ดี อารมณ์ในการอยากเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ก็น้อยลง หรือวันไหนคุณหงุดหงิด วันนั้นคงใจเย็นอ่านหนังสือ ทบทวนไม่ได้แน่ ดังนั้น หากคุณอยากจะเรียนภาษาอังกฤษให้เทพ และการเรียนมีประสิทธิภาพที่สุดนั้น จะเกิดขึ้นต่อเมื่อเรากำลังมีความสุข ผ่อนคลาย นั่นเอง
ทั้งนี้เพราะการเรียนภาษา เราจะต้องเรียนรู้ รับมือ และอดทนกับความกำกวมของคำศัพท์ (ambiguity) อยู่เสมอ (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใครที่เพิ่งเริ่มต้นเรียนรู้ภาษา) การทำจิตใจให้เบิกบาน แจ่มใส อารมณ์ดี แฮปปี้ เตรีมสุขภาพจิตให้ดี พร้อมที่จะเรียนรู้จึงสำคัญมากๆ เลยล่ะ
ฝึกให้เป็นกิจวัตร
ถ้าอยากเรียนภาษาอังกฤษให้เทพ ก็อย่าอายที่จะใช้งาน! แน่นอนว่ายิ่งคุณพยายามช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันให้มากเท่าไหร่ เราก็มีสิทธิ์เก่งภาษาอังกฤษเหล่านั้นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
หลายคนอาจจะท้วงว่า ตนคงไม่มีโอกาสได้ไปเรียนต่อต่างประเทศแน่ๆ หรือคงไม่มีโอกาสได้พูดกับชาวต่างชาติบ่อยๆ ก็อย่าเพิ่งคอตกไป ของแบบนี้ไม่ได้ยากเกินเอื้อมแน่ๆ โดยคุณอาจจะเริ่มต้นจากสิ่งต่างๆ รอบตัวต่อไปนี้
การฟังเพลงภาษาอังกฤษให้มากขึ้น เวลาดูหนัง ดูซีรี่ส์ก็ให้เน้นไปที่เสียงซาวด์แทรคมากกว่า สำหรับใครที่กลัวจะมึน ไม่รู้เรื่อง ช่วงแรกๆ อาจจะพ่วงด้วยซับไทย หรือซับอังกฤษไปก่อน แล้วค่อยเพิ่มระดับความคุ้นชินมากขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วยการปิดซับไทย
กระทั่งการใช้โซเชี่ยมีเดียต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ! อาจจะลองแชทหาเพื่อนชาวต่างชาติ หรือลองโพสต์เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ เป็นภาษาอังกฤษสักครึ่งวันดูสิ นี่แหละการฝึกฝนที่ดีแบบไม่ต้องบินไกลถึงต่างประเทศ
เราเรียกวิธีการนี้ว่า ‘Brainsoaking’ (สาดความรู้เข้าสมอง) หรือก็คือ การที่เราฟังเนื้อหาในภาษาที่เรากำลังเรียนให้เยอะที่สุด ไม่สำคัญว่าเราจะเข้าใจ? หรือไม่เข้าใจ? ฟังไม่ออก หรือไม่ ไม่เป็นไร แต่ให้เราเน้นโฟกัสที่จังหวะ น้ำเสียง รูปแบบของภาษานั้นๆ เพื่อเรียนรู้จนเกิดการซึมซับ ชำนาญ ในที่สุด
เปลี่ยนความหมายให้เป็นรูปภาพ
หลายคนมักจะจำคำศัพท์โดยการเขียนซ้ำๆ หรืออาจจะท่องวนๆ ไปเรื่อยๆ เพราะเชื่อว่าการจดจำคำศัพท์คือการเพิ่มคลังคำนการเรียนภาษา แน่นอนว่าความคิดแบบนี้ไม่ผิดหรอก แต่ซึ่งวิธีนี้อาจจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่
หลังจากนี้ ถ้าอยากจดจำคำศัพท์ หรือรูปประโยคการใช้งานต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ลองใช้คอนเซปต์เปลี่ยนความหมายให้เป็นรูปภาพดูสิ!
เทคนิคนี้จะได้ผลเป็นพิเศษสำหรับใครที่ยังไม่แม่นเรื่องบทสนทนา ต่อประโยคไม่ได้ได้มาก แต่แน่นอนว่าสามารถใช้จดจำคำศัพท์ได้อีกด้วย
สำหรับใครที่ไม่เห็นภาพชัดเจนเท่าไหร่ เราขอยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น พอพูดถึงคำว่า ‘ให้’ ในหัวของทุกคนก็จะมีภาพที่แตกต่างกันไปในหัว, บางคนอาจเห็นภาพคนยืนยื่นของให้กัน, บางคนอาจเห็นแค่มือคนรับ หรือบางคนอาจเห็นแค่มือคนให้ แต่โดยรวมแล้ว เราจดจำภาพเหล่านั้นไว้ในหัว และเข้าใจว่าคำว่า ให้ เป็นแบบไหน ใช้ในลักษณะยังไงบ้าง เป็นต้น
หา language parent
ลองสังเกตเวลาที่เด็กและพ่อแม่สื่อสารกัน ตอนแรกๆ สมัยเด็กที่ยังไม่สามารถสื่อสารได้เต็มที่ แต่เด็กเหล่านั้นก็ยังพยายามนำเอาคำศัพท์มารวมกัน โดยไม่ได้คำนึงถึงกฎของภาษาใดๆ บางทีก็ใช้คำธรรมดาทั่วไป และบางทีเด็กมักจะออกเสียงแปลกๆ ที่คนอื่นไม่เข้าใจ แต่พ่อแม่ก็สามารถเข้าใจได้ และค่อยๆ แก้คำผิดเหล่านั้นให้ถูกต้องได้
จากตัวอย่างที่เรายกมานี้ เราไม่ได้ยกมาเล่นๆ แน่ๆ เพระาเหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า ‘safe environment’ (สิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้) และมีความมั่นใจในการใช้ภาษาโดยไม่สนว่าจะผิดหรือไม่ ค่อนข้างสำคัญ เทคนิคเหล่านี้ ทำให้เด็กเรียนภาษาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว แน่นอนว่าวิธีได้ผล เพราะไม่งั้นเราก็คงไม่สามารถสื่อสารกันได้แบบทุกวันนี้ด้วยนะ!
เทคนิคเหล่านี้ เราเรียกว่า language parent หรือก็คือ คนที่พยายามจะเข้าใจเรา ใช้คำศัพท์ง่าย ๆ ที่เราเข้าใจ หรือเป็นคำศัพท์ที่อยู่ในระดับเดียวกับเรา แม้ว่าบางทีเราพูดไม่ถูก ออกเสียงไม่ชัด หรือสิ่งเราสื่อสารออกไปมันถูกต้องตามกฎเกณฑ์หรือไม่ ไม่แก้ไขเราเวลาพูดผิด แต่จะให้ feedback กับเราเสมอเวลาที่เราพูดอะไรไป
เช่น เราพูดว่า “I happy” แทนที่ language parent ของเราจะตำหนิทันที แต่เขาก็จะตอบกลับมาว่า “Oh that’s good. I am happy that you’re happy too” แทน
language parent นั่น หาได้ไม่ยาก หลักๆ ที่เราคุ้นชินกันดีก็คืออาจารย์ที่สอนภาษาเรานั่นเอง หรือใครที่มีเพื่อนชำนาญด้านภาษาก็ขอให้ช่วยได้ ก็ได้เช่นกัน
การเรียนภาษาอังกฤษให้เก่ง เทพ ไม่ใช่เรื่องยากๆ แน่นอนว่าการเรียนเสริม เรียนพิเศษเพิ่มเติมอาจจะช่วยได้บ้าง แต่สิ่งสำคัญจริงๆ ก็ยังอยู่ที่ตัวเราเองที่จะเปิดจ เรียนรู้ หมั่นฝึกฝนการใช้ภาษาเหล่านั้นด้วย