Present Simple เป็นรูปประโยคที่พื้นฐานและสำคัญที่สุดที่คนเรียนภาษาอังกฤษจำเป็นต้องเรียน มันคือ tense ที่ใช้เพื่อบอกข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับตัวเราเอง แสดงความต้องการและแบ่งปันความคิดเห็น การจะเข้าใจภาษาอังกฤษและเอาตัวรอดได้ นี่คือ tense จำเป็นที่ทุกคนต้องเรียนรู้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงต้องโฟกัสเรื่อง Present Simple ในช่วงเลเวลแรกๆ ของคอร์สเรียนที่ Wall Street English นี่คือรายละเอียดที่จะช่วยในการสร้างประโยค Present Simple และเมื่อไหร่ที่ควรใช้
เราจะสร้างประโยค Simple Present ได้อย่างไร?
การสร้างประโยค Simple Present ในภาษาอังกฤษเป็นเรื่องง่ายเพราะ นอกเหนือจาก verb to be ที่เป็นข้อยกเว้น verb ที่เหลือจะใช้ในแค่ 2 รูปเท่านั้น ตัวอย่างเช่น verb to look เราจะใช้กริยา look ตามด้านล่างนี้
อย่างที่ได้เห็น กรณีเดียวที่จะต้องแก้ verb คือกรณีที่ประธานของประโยคเป็นเอกพจน์บุรุษที่สาม (he/she/it) โดยการเติม –s การเติม –s สำหรับประธานตัวนี้ ในบางกรณี ต้องเปลี่ยนเป็น –es ซึ่งจะส่งผลให้การออกเสียงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
วิธีการสร้างเป็นประโยคปฏิเสธ เราจะเติม don’t และ doesn’t
สำหรับการทำเป็นประโยคคำถาม เราจะเติม do หรือ does
เมื่อไหร่ที่เราควรใช้ Present Simple
Simple Present สามารถใช้ได้หลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธี คุณจะได้เรียนรู้ไปทีละนิดตามหลักสูตร นี่คือภาพรวมของวิธีการใช้ Simple Present แต่ละแบบพร้อมกับตัวอย่าง
a. เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วเป็นเวลานาน
- We live in Boston.
- He works for the Post Office.
- Do they have any children?
- She manages the marketing department.
b. เพื่ออธิบายเกี่ยวกับความจริงที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง
- Bees make honey.
- Water boils at 100°C.
- Mount Everest is the highest mountain in the world.
- We use trees to make paper.
c. เพื่ออธิบายเกี่ยวกับกิจวัตรและนิสัย
- You go swimming twice a week.
- I don’t often play video games.
- Does she work every Saturday?
- We sometimes eat out on Sunday evenings.
d. เพื่ออธิบายเกี่ยวกับความชอบและความคิดเห็น
- We love going to concerts.
- He thinks living here is too expensive and I agree.
- They believe in their leader and trust him completely.
- I like reading, especially historical novels.
e. เพื่อพูดถึงเวลาสำหรับการเดินทางในอนาคต การประชุมหรือเหตุการณ์
- Our train leaves at 3pm.
- The match starts at 8:30pm.
- When does the meeting begin?
- We land in Dusseldorf at 9:15.
f. ใช้ร่วมกับคำที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเวลา อย่าง when, before, after, และ until
- We’ll start when the other guests arrive.
- You can send the goods after we receive the payment.
- I can’t leave until I finish this project.
- Before we leave let’s check we have everything we need.
การสร้างประโยคคำถามในรูป Simple Present
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาไม่กี่ภาษาในโลกที่เราสามารถเติมคำ (do หรือ does) เพื่อสร้างประโยคคำถาม ในฐานะที่เป็นนักเรียน คุณจำเป็นต้องฝึกใช้ให้มากที่สุดเพื่อที่จะสามารถจำจนนำไปใช้ได้ เวลาที่เราใช้ศัพท์ในการตั้งคำถามอย่าง where, when, what และอื่นๆ คำเหล่านี้จะต้องวางอยู่ก่อน do/does
นี่คือตัวอย่าง
- Where do you work?
- What does he do?
- How do they come here?
- When do we start?
- Why do they play football so late?
- What does she like doing at the weekend?
- Where do you go to the cinema?
- When do we leave?
- How does Hans get to the office?
จำไว้ว่า เวลาที่เราใช้ do/does เราสามารถใช้ได้กับทุก verb ยกเว้น verb to be การจะสร้างเป็นประโยคคำถามโดยมี verb to be เราต้องสลับที่ประธานกับ verb
ตัวอย่างเช่น
- Are you well?
- Where are the kids?
- What time is it?
- Is Shona sick?
- Am I late?
- When is the lesson?
- Why are we here?
นี่คือบทสนทนาที่มีตัวอย่างการใช้ Simple Present ในหลายๆ แบบ
- “Hi! Are you new here?”
- “Yes I am.”
- “What do you do?”
“I work in the accounts department. What about you?”
- “I supervise the customer service department. We deal with phone calls and emails.”
- “Do you get a lot of calls?”
- “Yes. Most customers prefer to speak to someone to solve the issue quickly.”
- “And where do you live? Near here?”
- “Yes, just 10 minutes away. I usually come on foot. And you?”
- “I live outside the city and take the train every day.”
- “Are the trains usually on time?”
- “They’re not bad, they sometimes have a short delay.”
- “Listen, do you play football? Our company tournament starts next week if you’re interested in taking part.”
- “Yes, I love football and I’d love to play! Thanks!”
ตอนนี้คุณน่าจะได้เห็นแล้วว่าเมื่อไหร่และตอนไหนที่เราควรใช้ Simple Present เหลือแค่ต้องลองใช้ในชีวิตประจำวันเท่านั้น สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ต้องจำนั่นก็คือการเติม –s ในคำกริยาเวลาที่ประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่สาม ซึ่งส่วนใหญ่มักจะลืมกัน แต่มันสังเกตได้ง่ายมากถ้าพลาด ลองแบ่งเวลาเพื่อเรียนรู้และฝึกฝนการใช้ เชื่อว่าไม่นานคุณจะต้องสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วแน่นอน!