Prepositions หรือที่รู้จักกันในภาษาไทยว่าคำบุพบท เป็นคำที่ใช้เชื่อมคำนามหรือคำสรรพนามเข้าด้วยกัน หรือเพื่อใช้เชื่อมโยงกับส่วนอื่นๆของประโยค ในวันนี้ เราจะมาแนะนำการใช้ Prepositions of Time ซึ่งจะเป็นการเลือกใช้คำบุพบทที่มีไว้เชื่อมโยงกับเวลา จะไม่มีการใช้ผิดๆถูกๆ หรือใช้อยู่คำเดียวอีกต่อไป!
-
On
การใช้ on จะใช้นำหน้าการบอกวันหรือวันที่ หรือนำหน้าคำว่า weekend สำหรับ American English เช่น
– She usually sees her family on Sundays. (เธอมักจะเจอครอบครัวของเธอทุกวันอาทิตย์)
– His birthday is on January 1st, 1987. (วันเกิดของเขาคือวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2530)
– We will go shopping on the weekend. (เราจะไปช็อปปิ้งในวันสุดสัปดาห์นี้)
-
In
เราจะใช้ in เพื่อนำหน้า เดือน ฤดูกาล หรือปี หรือช่วงเวลาต่างๆของวัน เช่น เช้า กลางวัน เย็น หรือ ใช้นำหน้าเพื่อบอกช่วงเวลา ตัวอย่างเช่น
– He is going back to his country in March. (เขาจะกลับประเทศในเดือนมีนาคม)
– We always go to the beach in summer. (เรามักจะไปชายหาดในฤดูร้อน)
– We had three meetings in the morning. (เราประชุมไปสามครั้งในตอนเช้า)
– It’s the third time in two months that someone has stolen my food! (นี่เป็นครั้งที่สามในรอบสองเดือนแล้วนะที่มีคนขโมยอาหารของฉันไป!)
-
At
ใช้เพื่อบอกเวลาที่เฉพาะเจาะจงไปเลย หรือใช้นำหน้า night เพื่อบอกเวลากลางคืน หรือ นำหน้า weekend สำหรับ British English
– I have my appointment with John scheduled at 10.30 am. (ฉันมีนัดกับจอห์นตอน 10 โมงครึ่ง)
– We are going to China Town at night. Do you want to join? (เราจะไปไชน่าทาวน์ตอนกลางคืนนะ คุณอยากไปด้วยหรือเปล่า)
– The children are allowed to use iPad at weekends only. (เด็กๆ ได้รับอนุญาตให้เล่นไอแพดได้ในวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น)
-
Since
ใช้นำหน้าเวลาตอนหนึ่งในอดีต เพื่อบอกว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงไหน และเพื่อสื่อว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเรื่อยมาถึงตอนใดตอนหนึ่งหรือถึงปัจจุบัน
– I haven’t seen my cousin since July last year. (ฉันไม่ได้เจอญาติฉันเลยตั้งแต่กรกฎาคมปีที่แล้ว)
– She has lost contact with her son since spring. (เธอไม่ได้ติดต่อกับลูกชายเลยตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิ)
-
For
ใช้นำหน้าเพื่อบอกจำนวนเวลา ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในประโยคนั้น เกิดขึ้นนานเท่าไร เช่น
– I haven’t eaten anything for 12 hours. (ฉันไม่ได้กินอะไรเลยมาเป็นเวลา 12 ชั่วโมงแล้วนะ)
– For 10 years, she has saved up money to send her kids to college. (เธอเก็บเงินมาเป็นเวลาสิบปีแล้วเพื่อที่จะสามารถส่งลูกๆไปเรียนมหาลัยได้)
– This class is going to last for an hour. (คาบเรียนนี้ใช้เวลาประมาณชั่วโมงหนึ่ง)
-
ago
ใช้ตามหลังเวลา เพื่อบ่งบอกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว ว่าเกิดขึ้นไปนานเท่าไรแล้ว เช่น
– I ran into my boss three days ago at a restaurant. (ฉันบังเอิญเจอเจ้านายที่ร้านอาหารเมื่อสามวันที่แล้ว)
– Her brother graduated just three months ago. (น้องชายของเธอเพิ่งจะเรียนจบเมื่อสามเดือนที่แล้วเอง)
-
before/prior to
มีความหมายว่า ก่อนหน้า ใช้นำหน้าเวลาหรือเหตุการณ์ เพื่อบอกว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้าเวลาที่ว่านี้
– She went to bed before midnight. (เธอเข้านอนไปแล้วตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืน)
– He usually leaves the office before 6. (เขามักจะออกจากออฟฟิศตั้งแต่ก่อนหกโมง)
– You need to prepare yourself prior to the interview. (เธอต้องเตรียมตัวก่อนไปสัมภาษณ์นะ)
-
To
ใช้ในสำนวนการบอกเวลา เช่น
– It’s a quarter to ten. (อีกสิบห้านาทีจะสิบโมงนะ – ซึ่งก็คือ 45 นั่นเอง)
-
From
ใช้ในการบอกช่วงระยะเวลาเพื่อบอกว่าเหตุการณ์นั้นๆเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร หรือใช้คู่กับ to เพื่อบอกว่า สิ่งๆนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่และจะจบลงเมื่อไร เช่น
– I’m moving to a new flat from now on. (ฉันจะย้ายไปแฟลตใหม่ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป)
– Some employees take leave from Monday to Wednesday. (พนักงานบางคนลาหยุดตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันพุธ)
-
Past
ใช้ในสำนวนการบอกเวลา เช่น
– It’s already half past nine. (นี่ผ่านเก้าโมงไปครึ่งชั่วโมงแล้วนะ – ซึ่งก็คือ 30 นั่นเอง)
-
Till/Until
ใช้เพื่อนำหน้าเวลา เพื่อบอกว่าเหตุการณ์ที่กำลังพูดถึงจะเกิดขึ้นจนถึงตอนไหน เช่น
– We have to wait until tomorrow to get the feedback. (เราต้องรอจนถึงพรุ่งนี้เพื่อดูว่าผลตอบรับเป็นยังไง)
– They will stay at that hotel from Friday till Sunday. (พวกเขาจะพักที่โรงแรมนั้นตั้งแต่วันศุกร์ถึงวันอาทิตย์)
-
By
ใช้นำหน้าเวลา เพื่อบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะต้องเกิดภายในช่วงเวลาใด หรือภายในตอนไหน เช่น
– We need to hand in this assignment by midnight. (เราต้องส่งงานนี้ก่อนเที่ยงคืน)
– Give me the answer by tomorrow. (ให้คำตอบฉันภายในวันพรุ่งนี้)
นอกเหนือจากการใช้ Prepositions เหล่านี้ในการบอกเวลาแล้ว หลายๆคำข้างต้นยังสามารถใช้เชื่อมอย่างอื่นนอกเหนือจากเวลาได้ด้วย บอกเลยว่าอีกยาว! แต่ถ้าอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ติดตามที่บล็อกของเราได้เลย เรามีเทคนิคเพื่อพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษมาฝากอีกเป็นประจำแน่นอน