ทำไมต้องเรียนรู้ประโยคภาษาอังกฤษเวลาอยู่สนามบิน?
สำหรับนักเดินทางที่ไม่ถนัดภาษาอังกฤษ การไปสนามบินต่างประเทศอาจเป็นประสบการณ์ที่น่ากังวล เพราะต้องเจอกับเจ้าหน้าที่หลากหลายขั้นตอน เช่น เช็กอิน โหลดกระเป๋า ตม. หรือแม้แต่เหตุการณ์ฉุกเฉินอย่างไฟลท์ดีเลย์ หรือกระเป๋าหาย
บทความนี้จะรวม ประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยในสนามบิน พร้อมคำแปลและสถานการณ์จำลองให้คุณนำไปใช้ได้จริง ไม่ว่าจะเดินทางคนเดียวหรือกับเพื่อน ก็มั่นใจขึ้นแน่นอน!
หมวด 1: ประโยคภาษาอังกฤษตอน “เช็กอิน”
จุดเริ่มต้นของการเดินทางคือที่เคาน์เตอร์เช็กอิน นี่คือสิ่งที่คุณอาจได้ยิน และควรถามได้
💬 สิ่งที่เจ้าหน้าที่มักถาม
-
“May I see your passport, please?”
ขอดูพาสปอร์ตหน่อยครับ/ค่ะ -
“Where are you flying to?”
คุณจะบินไปที่ไหน -
“Do you have any luggage to check in?”
คุณมีสัมภาระที่ต้องโหลดใต้เครื่องไหม -
“Would you like a window or aisle seat?”
คุณต้องการที่นั่งริมหน้าต่างหรือริมทางเดิน
ประโยคที่คุณสามารถใช้ตอบ
-
“Here is my passport and ticket.”
นี่คือพาสปอร์ตและตั๋วครับ/ค่ะ -
“I’m flying to London.”
ผม/ฉันจะบินไปลอนดอน -
“Yes, I have one suitcase to check in.”
มีครับ/ค่ะ หนึ่งใบที่ต้องโหลด -
“Window seat, please.”
ขอที่นั่งริมหน้าต่างครับ/ค่ะ
หมวด 2: ประโยคเวลา “โหลดกระเป๋า / น้ำหนักเกิน”
เมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งว่าน้ำหนักเกิน หรือสอบถามเรื่องสัมภาระ
💬 เจ้าหน้าที่พูดว่า
-
“Your bag is overweight.”
กระเป๋าคุณน้ำหนักเกิน -
“You need to pay an excess baggage fee.”
คุณต้องจ่ายค่าสัมภาระส่วนเกิน
วิธีตอบกลับ
-
“How much is the excess baggage fee?”
ต้องจ่ายเพิ่มเท่าไหร่ครับ/ค่ะ -
“Can I move some items to my carry-on?”
ผม/ฉันสามารถย้ายของบางชิ้นไปกระเป๋าถือได้ไหม -
“Okay, I’ll pay by card.”
โอเคครับ/ค่ะ ผมจะจ่ายด้วยบัตร
หมวด 3: ไปเกตไม่ถูก! ถามทางอย่างสุภาพ
สนามบินใหญ่มาก หาเกตไม่เจอ ถามใครดี? ใช้ประโยคเหล่านี้ได้เลย
💬 ถามทางไปเกตหรือสถานที่
-
“Excuse me, where is Gate A7?”
ขอโทษครับ/ค่ะ เกต A7 อยู่ตรงไหน -
“How can I get to the immigration area?”
ไปโซนตรวจคนเข้าเมืองได้ยังไง -
“Where can I find the baggage claim?”
จุดรับกระเป๋าอยู่ตรงไหนครับ/ค่ะ
คำตอบที่อาจเจอ
-
“Just follow the signs.”
เดินตามป้ายไปได้เลย -
“Go straight and turn left.”
เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้าย -
“It’s next to the duty-free shop.”
อยู่ติดกับร้านปลอดภาษี
หมวด 4: ด่าน “ตรวจคนเข้าเมือง” (Immigration)
เจ้าหน้าที่ ตม. มักถามคำถามพื้นฐานเกี่ยวกับแผนการเดินทาง
💬 สิ่งที่ ตม. มักถาม
-
“What is the purpose of your visit?”
มาทำอะไรที่ประเทศนี้ -
“How long will you stay?”
คุณจะอยู่กี่วัน -
“Where will you be staying?”
คุณจะพักที่ไหน -
“Do you have a return ticket?”
คุณมีตั๋วขากลับไหม
วิธีตอบ
-
“I’m here for vacation.”
มาท่องเที่ยวครับ/ค่ะ -
“I’ll be here for 7 days.”
จะอยู่ที่นี่ 7 วัน -
“I’ll stay at ABC Hotel in downtown.”
จะพักที่โรงแรม ABC ในตัวเมือง -
“Yes, here is my return ticket.”
มีครับ/ค่ะ นี่คือตั๋วขากลับ
หมวด 5: ประโยคเกี่ยวกับ “ไฟลท์ดีเลย์ / ยกเลิก”
เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ เตรียมพูดให้ถูกไว้ก่อน
💬 ประโยคที่คุณควรถาม
-
“Why is the flight delayed?”
ทำไมไฟลท์ถึงดีเลย์ -
“When is the new departure time?”
ไฟลท์ใหม่จะออกกี่โมง -
“Can I get a refund or reschedule?”
ขอเงินคืนหรือเปลี่ยนเที่ยวบินได้ไหม -
“Will I miss my connecting flight?”
จะตกไฟลท์ต่อเครื่องไหม
หมวด 6: เมื่อ “กระเป๋าหาย” หรือไม่มาถึง
ปัญหายอดฮิตของคนเดินทาง ต้องแจ้งให้ถูก
💬 แจ้งเจ้าหน้าที่
-
“My luggage hasn’t arrived.”
กระเป๋าผมหายครับ -
“I can’t find my suitcase.”
หากระเป๋าไม่เจอครับ/ค่ะ -
“This is the baggage claim tag.”
นี่คือใบรับกระเป๋าของผม -
“What should I do next?”
แล้วผมควรทำอย่างไรต่อ
หมวด 7: คำศัพท์ + วลีที่ควรรู้ในสนามบิน
คำศัพท์อังกฤษ | ความหมาย |
---|---|
Check-in counter | เคาน์เตอร์เช็กอิน |
Boarding pass | บัตรผ่านขึ้นเครื่อง |
Departure / Arrival | ขาออก / ขาเข้า |
Immigration | ด่านตรวจคนเข้าเมือง |
Gate | ประตูขึ้นเครื่อง |
Carry-on baggage | กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง |
Baggage claim | จุดรับกระเป๋า |
Customs | ศุลกากร |
เคล็ดลับจำง่ายและใช้งานได้จริง!
-
ใช้ Google Translate / Papago ช่วยฟังสำเนียง
-
ฝึกพูดออกเสียงประโยค 1-2 ครั้งก่อนออกเดินทาง
-
เซฟบทความนี้เก็บไว้ในมือถือ หรือสกรีนช็อตประโยคที่ใช้บ่อย
-
ไม่ต้องพูดคล่องเป๊ะ แค่กล้าพูด และใช้คำที่ถูกบริบทก็พอ
ส่งท้าย
ถ้าคุณเตรียมตัวกับ ประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้ในสนามบิน ไว้ล่วงหน้า จะช่วยให้การเดินทางต่างประเทศเป็นเรื่องง่ายและสบายใจกว่าเดิมมาก ไม่ว่าจะเจอเจ้าหน้าที่ ตม. สอบถามข้อมูล หรือแม้แต่เจอปัญหา ก็สามารถสื่อสารได้อย่างมั่นใจ
อย่าลืม! ภาษาอังกฤษไม่ต้องเป๊ะ ขอแค่ “กล้าพูด” ก็ถือว่าได้เปรียบกว่าคนที่เงียบแล้วครับ
ขอให้ทุกการเดินทางของคุณเต็มไปด้วยความราบรื่น และภาพสวย ๆ จากทั่วโลก!